เปิดประวัติลิเวอร์พูล!!!
เปิดประวัติทีมสโมสร "ลิเวอร์พูล"
ประวัติสโมสรลิเวอร์พูล
- ชื่อเต็ม : Liverpool Football Club
- ฉายา : เดอะ เร้ดส์ / หงส์แดง (ฉายาในประเทศไทย)
- ก่อตั้ง : 3 มิถุนายน ค.ศ. 1892 (130 ปี)
- สนาม : แอนฟีลด์ (ความจุ: 53,394 ที่นั่ง)
- เจ้าของ : เฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป
- ประธาน : ทอม วอร์เนอร์
- ผู้จัดการทีม : อาร์เน่อ สล็อต
สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล (อังกฤษ: Liverpool Football Club) เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพที่อยู่ในเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ก่อตั้งในปีค.ศ. 1892 ได้เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลลีกในปีต่อมาและใช้สนามแอนฟิลด์เป็นสนามเหย้าตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร
สโมสรลิเวอร์พูลก่อตั้งขึ้นวันที่ 15 มีนาคม 1892 โดย จอห์น โฮลดิง (John Houlding) นักธุรกิจท้องถิ่น ที่เช่าพื้นที่บริเวณถนนแอนฟิลด์ ของเมืองลิเวอร์พูลเพื่อสร้างสนามฟุตบอล และได้ปล่อยให้สโมสรเอฟเวอร์ตันเช่าในปี 1884 จนกระทั่งเอฟเวอร์ตันเข้าเป็นสมาชิกฟุตบอลลีก และไม่ต่อสัญญาเช่าอีกในปี1892
เนื่องจาก โฮลดิ้ง ต้องการขึ้นค่าเช่าสนามและพยายามจะเข้าบริหารงานของสโมสร ทำให้ เอฟเวอตัน ตัดสินใจย้ายไปใช้สนามอีกฝากของสวนสาธารณะสแตนลี่ย์พาร์ค และใช้ชื่อสนามว่า กูดิสัน พาร์ค มาจนถึงทุกวันนี้ และเมื่อสนามไม่ได้ใช้ประโยชน์ โฮลดิง จึงตั้งทีมฟุตบอลขึ้นโดยตั้งชื่อทีมว่า ลิเวอร์พูล ฟุตบอล คลับ และใช้เรื่อยมาจถึงปัจจุบันนี้
ลิเวอร์พูลลงแข่งขันครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 กันยายน 1892 เป็นการแข่งขันนัดกระชับมิตรก่อนเริ่มฤดูกาล โดยเอาชนะ ร็อตเตอร์แฮม ทาวน์ 7-1 โดยผู้เล่นลิเวอร์พูลที่ลงสนามในนัดดังกล่าวนั้นเป็นชาวสกอตแลนด์ทั้งหมด โดยผู้เล่นที่มาจากสกอตแลนด์เพื่อมาเล่นในอังกฤษในเวลานั้น มักจะเรียกว่า "สก็อตจ์โปรเฟสเซอร์ส"
ซึ่ง จอห์น แม็คเคนนา ที่รับบทผู้จัดการทีมในตอนนั้นเดินทางไปสกอตแลนด์เพื่อมองหาผู้เล่น หลังคัดเลือกผู้เล่นแล้ว พวกเขากลายเป็นที่รู้จักในนาม "ทีมออฟแมกส์" พร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์แคว้นแลงคาเชียร์ด้วยผลงานชนะ17 จาก 22 เกมที่ลงเล่น
จากผลงานดงกล่าวทำให้ใทางสโมสรสามารถสมัครเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลลีกได้ โดยเริ่มต้นลงเล่นดิวิชั่น 2 ในฤดูกาล 1893-1894 ซึ่งเก็บชัยชนะได้แบบ 100% (28 นัด) แต่การคว้าแชมป์ดิวิชั่น 2 ในตอนนั้นยังไม่ได้เลื่อนชั้นโดยทันที ต้องไปแข่งนัดชิงดำกับทีมอันดับสอง ซึ่งทีมอันดับสองในขณะนั้นคือ นิวตัน ฮีธ หรือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปัจจุบัน และลิเวอร์พูลเอาชนะ 2-0 ได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่ดิวิชั่น 1 ได้ในที่สุด
ปี 1914 ลิเวอร์พูลเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศของเอฟเอคัพครั้งแรกแต่อกหักแพ้ เบิร์นลีย์ 0-1 ก่อนที่จะมาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสองสมัยติดต่อกันในปี 1922 และ 1923 แล้วก็ไม่ได้สัมผัสโทรฟี่อีกเลยจนกระทั่งฤดูกาล 1946-47 มาคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 เป็นสมัยที่ห้าของสโมสร
ฤดูกาล 1953-54 ลิเวอร์พูลต้องตกชั้นไปเล่นดิวิชั่น 2 จากนั้นผลงานก็ยังไม่ดีขึ้นถึงขนาดแพ้ Worcester City สโมสรจากนอกลีก 1-2 ตกรอบเอฟเอคัพ ฤดูกาล 1958-59 ซึ่งนั่นถือเป็นจุดเปลี่ยนของสโมสรเมื่อทีมแต่งตั้ง บิลล์ แชงค์ลี่ย์ (Bill Shankly) เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่
14 ธันวาคม 1959 แชงค์ลี่ย์ รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เขาปล่อยผู้เล่น 24 คนออกจากทีม และทำการเปลี่ยนแปลงห้องเก็บรองเท้าที่สนามแอนฟีลด์ให้กลายเป็นห้องสำหรับผู้ฝึกสอนวางแผนการเล่น ถือกำเหนิด "บูทรูมสต๊าฟฟ์" อันเลื่องชื่อ ซึ่งประกอบไปด้วย โจ เฟแกน, รูเบน เบนเน็ตต์ และ บ๊อบ เพสลีย์
แชงค์ลี่ย์ พาทีมเลื่อนชั้นกลับสู่ลีกสูงสุดในปี 1962 ก่อนที่อีกสองปีต่อมาพาทีมคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 ได้เป็นครั้งแรกรอบ 17 ปี จากนั้นพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ เป็นครั้งแรกในปี 1965 และปีต่อมาก็พาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้อีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่แพ้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ ฤดูกาล 1965-66
ฤดูกาล 1972-73 แชงค์ลี่ย์ พาลิเวอร์พูลคว้าดับเบิลแชมป์ทั้งแชมป์ดิวิชั่น 1 และ ยูฟ่า คัพ จากนั้นคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ สมัยที่สองในปีถัดมา ก่อนประกาศวางมือจากตำแหน่งผู้จัดการทีมเมื่อ 12 กรกฏาคม 1974 และบ๊อบ เพสลีย์ ผู้ช่วยของเขา ขึ้นเป็นผู้จัดการทีมแทน
ปี 1976 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่สองที่ เพสลีย์ เป็นผู้จัดการทีมเขาพา "หงส์แดง" คว้าแชมป์ลีกสูงสุดและยูฟ่า คัพ อีกครั้ง และในฤดูกาลถัดมา ลิเวอร์พูลชวดทริปเปิ้ลแชมป์อย่างน่าเสียดายเมื่อคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เป็นสมัยที่ 10 ของสโมสรรวมทั้งชนะเลิศยูโรเปี้ยน คัพ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร แต่แพ้ในรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ
ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ อีกครั้งในปี 1978 และแชมป์ลีกสูงสุดในปี 1979 โดยตลอด 9 ฤดูกาลที่เพสลีย์เป็นผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูลคว้าถ้วยรางวัล 20 ใบ รวมไปถึงยูโรเปี้ยน คัพ 3 สมัย, ยูฟ่า คัพ 1 สมัย, ลีกสูงสุด 6 สมัย และ ลีก คัพ 3 สมัยติดต่อกัน โดยการแข่งขันในประเทศรายการเดียวที่เขาไม่ได้แชมป์คือเอฟเอ คัพ
1 กรกฎาคม 2526 เพสลีย์ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง และเป็น โจ เฟแกน ขึ้นเป็นผู้จัดการทีมแทน โดยเพียงฤดูกาลแรกของเฟแกน เขาพาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ลีกสูงสุด, ลีกคัพ และ ยูโรเปี้ยน คัพ กลายเป็นสโมสรจากอังกฤษทีมแรกที่คว้า 3 แชมป์ในหนึ่งฤดูกาล
ลิเวอร์พูลเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศยูโรเปี้ยน คัพ อีกครั้งในปี 1985 นอกจากจะแพ้ ยูเวนตุส 0-1 แล้วยังเกิดเหตุโศกนาฏกรรมขึ้น เมื่อแฟนบอลของทั้งสองทีมมีการปะทะกันจนทำให้กำแพงที่กั้นพังลงมาและมีผู้เสียชีวิต 39 คนจากโศกนาฏกรรมดังกล่าว
ส่งผลให้สโมสรจากอังกฤษโดนห้ามเข้าร่วมการแข่งขันถ้สยยุโรปเป็นเวลา 5 ปี ขณะที่สโมสรลิเวอร์พูลได้รับโทษห้ามเข้าร่วมการแข่งขันเป็นเวลา 10 ปี ซึ่งต่อมาลดเหลือ 6 ปี ขณะที่แฟนบอลลิเวอร์พูล 14 คนได้รับโทษจากความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา
จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ เฟแกน ตัดสินใจลาออกจากการคุมทีม โดย เคนนี่ ดัลกลิช กลายเป็นผู้เล่น-ผู้จัดการทีมคนแรกของสโมสร และเขาพาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ทั้งลีกสูงสุด และ เอฟเอ คัพ ได้ตั้งแต่การคุมทีมปีแรก
ระหว่างที่ ดัลกลิช คุมทีมเขาพาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ลีกได้ 3 สมัย และเอฟเอ คัพ สองสมัย รวมไปถึงการได้ดับเบิ้ลแชมป์จากการชนะเลิศลีกและเอฟเอคัพในฤดูกาล 1985-86
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น